รีวิวหนัง Edge of Tomorrow
เมื่อในปี พ.ศ. 2558 มนุษย์ต่างดาวเผ่าที่ถูกเรียกว่า “มิมิก” ที่ได้เดินทางมาเพื่อจะรุกรานโลกและบุกยึดภาคพื้นที่ทวีปยุโรปเอาไว้เเละ ฝ่ายมนุษย์ได้จัดตั้งกองกำลังพันธมิตรป้องกันโลก(United Defense Force หรือ UDF) เพื่อทำสงครามกับมิมิก ซึ่งได้รับชัยชนะเพียงครั้งเดียวที่สมรภูมิเวอร์ดัน ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ5 ปีต่อมาที่อยู่ ในประเทศอังกฤษ พลเอก บริกแฮม (เบรนแดน กลีสัน) ผู้บัญชาการสูงสุดของ UDF เพื่อที่จะสั่งการให้พันตรี วิลเลียม เคจ (ทอม ครูซ) จากหน่วยประชาสัมพันธ์ของกองทัพ
ที่ ลงสนามรบที่ฝรั่งเศสร่วมกับพลทหารเพื่อบันทึกภาพปฏิบัติการดังกล่าว เคจปฏิเสธเนื่องจากว่าตนไม่ได้ถูกฝึกมาให้ทำงานภาคสนามพร้อมกับข่มขู่ว่าจะป้ายความผิดให้บริกแฮมหากปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวเเละเมื่อได้ฟังดังนั้น บริกแฮมจึงสั่งจับกุมและลดยศเคจให้เป็นพลทหาร และส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้าร่วมกับกองทหารหมู่ เจ ที่ภายใต้การบังคับบัญชาของจ่าสิบเอก แฟเรลล์ (บิลล์ แพกซ์ตัน)ในหนึ่งวันต่อมา เคจลงสนามรบและพบว่ากองทัพของมนุษย์ถูกมิมิกลอบโจมตีจนพ่ายแพ้ เขาฆ่ามิมิกตัวใหญ่ด้วยระเบิดได้
แรงระเบิดทำให้เลือดของมิมิกตัวนั้นสาดใส่เขา และเขาก็ตายไปพร้อมกันด้วยทันทีที่เขาตาย เขากลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันที่ถูกส่งตัวมายังหมู่เจพร้อมกับความทรงจำที่ได้รับจากสนามรบ เขาพยายามบอกทุกคนให้รู้ชะตากรรมของตัวเองในการรบแต่ไม่มีใครเชื่อทำให้เขาต้องร่วมรบแล้วตาย และฟื้นขึ้นมาในวันก่อนหน้าจะเกิดสงครามอีกครั้ง เคจตกอยู่ในวังวนนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้เขามีทักษะในการรบเพิ่มขึ้นและสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสนามรบ
